วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มันใกล้เข้ามาแล้ว เรื่องน่ากลัวที่สุด


อดจิต อดใจว่า จะไม่เขียนถึงแล้วเชียว แต่ก็อดไม่ได้ ในเมื่อ วันที่ 13 มิ.ย.53 ที่ผ่านมา สื่อต่างๆรายงานข่าวกันอึกทึกครึกโครมและต่อเนื่อง ว่าเกิดแผ่นดินไหวที่ “หมู่เกาะนิโคบา”ใกล้ชายฝั่งประเทศอินเดีย 5 ครั้งภายในวันเดียว ความรุนแรงไม่ต่ำกว่า 6 ริกเตอร์ และที่เมืองกาญจนบุรี อีกด้วย มันใกล้
ฝั่งอันดามัน” เข้ามาทุกที ทุกทีและถี่ขึ้นเรื่อยๆ

และเช้าวันที่ 14 มิ.ย.ข่าวก็ออกมาอีกว่า รัฐบาล อินโดนีเซีย ประกาศห้ามนักท่องเที่ยว และ ประชาชนของเขา เข้าใกล้ สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียง อันเป็นทะเลสาบในปล่องภูเขาไฟเก่า โดยเด็ดขาด เพราะคาดว่า จะเกิด แผ่นดินจะไหวครั้งใหญ่ เร็วๆนี้

ณ วันนี้ 14 มิ.ย.53 ชาวบ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า ยังทะยอย อพยพ ออกจากหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง เพราะความหวาดกลัว กับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขา ซึ่งกำลังจะกลับมาเกิดขึ้นอีก และใกล้เข้ามาทุกที ตามสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ

จะไปห้ามพวกเขาไม่ให้หวาดกลัวได้ยังไง ในเมื่อภาพเหตุการณ์ ของเช้าอันอากาศสดใส เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ยังตามมาหลอกหลอนพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ฝันร้ายกลางวันแสกๆ ไม่เคยจางหายไป และจะไม่มีวันจางหายไป อย่างน้อย ก็อีกสามชั่วอายุคน

หลายคน สูญเสีย ลูก เมีย สามี ญาติมิตร บ้านเรือน ทรัพย์สิน สมบัติพัดสถานทุกสิ่งทุกอย่างหมดสิ้น หมดเนื้อประดาตัว แม้กระทั่งความหวังที่จะมีชีวิตอยู่หลังจากเหตุการณ์ของวันนั้นยุติลง

คนที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ไม่ได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในเวลานั้น ไม่มีทางที่จะจินตนาการได้ว่า ความกลัวกับสิ่งนั้นมันเป็นอย่างไร?

เพราะทุกอย่างมันมาเร็ว ไปเร็ว และทุกคนไม่รู้ว่ามันคืออะไร? ต้นทางมันมาจากที่ไหน? มาได้ยังไง? และจะมาอีกหรือไม่? จะมาอีกเมื่อไหร่? และหนักหนาสาหัสกว่าเดิมหรือไม่? ทุกอย่างเป็นปริศนาในขณะนั้นและหาคำตอบไม่ได้ ไม่ว่าจากใคร ในแผ่นดินนี้.!

ทุกคนรู้แต่เพียงว่า มันมาจากทะเล มันใหญ่โตมโหฬาร มันมีพละกำลังมหาศาล มันโหดร้าย ไม่มีความปราณี มันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้มลายหายไปในพริบตา ไม่มีเวลาตั้งรับ ไม่มีเวลาหลบหลีก ไม่มีปัญญาต่อกรกับมันและไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด.!

ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ พวกเขาเหล่านั้นใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับความวิตกกังวล หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งวันที่น้ำทะเลลงเต็มที่ ตามปกติของ ข้างขึ้น ข้างแรม พวกเขาต้องคอยสังเกตุมองไปที่ทะเลบ่อยๆ ด้วยความหวาดผวา กลัวว่าน้ำมันจะแห้งไปมากกว่านั้น (ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้เขียนเอง ที่ทำมาหากินอยู่ชายหาด)

แล้วจะให้พวกเขา เหล่านั้นที่เหลือรอดชีวิต จากวันนั้น จะเชื่อใครคนไหน.? หรือจะให้เชื่อคนที่ออกมานั่งให้สัมภาษณ์ว่า “ตามหลักวิชาการ มันจะไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้” แต่กลับพูดหน้าตาเฉยว่า “ทำนายไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่” แล้วออกมาพูด ทำหอกอะไร ว่า “มันจะไม่เกิดขึ้น”!

แล้วที่มันเกิดขึ้น หลังจากบางคนนั้นพูดเพียงวันเดียว มันคืออะไร? ตอบได้ไหม? พวกมี “ปัญญาล้นสมอง” สักแต่พูด ไม่พบกับตัวเองกับญาติโกโหติกา ของตัวเอง ก็นั่งพูดได้ ว่า “ไม่มี ไม่เกิด แต่ทำนายไม่ได้” ทุเรศ.!

แล้วนี่ ที่มันใกล้เข้ามาทุกที ทุกทีและก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ มันคืออะไร? หรือจะออกมาพูดอีกว่า “ขอให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตกใจ เรากำลังตรวจสอบอยู่ แล้วจะแจ้งเตือนเป็นขั้นตอน 1,2,3 ให้ทราบ เพื่อท่านจะได้อพยพ เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย”

ขอใช้คำว่า ทุเรศ! อีกที หากพวกข้าพเจ้านั่งรอให้พวกท่านเตือน จนถึงขั้นตอนสุดท้าย พวกข้าพเจ้าก็ ตายเกลี้ยงแล้ว ขอรับกระผม.!?

หมายเหตุ : ถ้านายคนที่พูด เชื่อจริงๆว่า มันจะไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ให้นายพาครอบครัวมานอนที่ชายหาดเขาหลักซัก 3 คืนสิ! โดยนายชำนาญ จะจ่ายค่าโรงแรมให้ กล้ามั๊ย.?

---------------------------------------------
---------------------------------------------

พื้นที่แสดงความคิดเห็น

คลิกที่นี่ ฝากข้อความ ฝากลิงก์

(กรุณาใช้คำสุภาพด้วย ขอบคุณ)
--------------------------------------------

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ทั่วไป กรุณาใช้คำสุภาพ