วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

หัวเราะให้สะดือบานกับ “ไฟใต้-กองทัพ-รัฐบาล”

 คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
       โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก
      
       วันนี้ผมจะไม่พูดหรือเขียนถึงเรื่อง คาร์บอมบ์ที่ศูนย์การค้าลี การ์เดนส์ พลาซ่า ว่าเกิดจาก แนวร่วมคนไหนของ บีอาร์เอ็นฯและจะไม่พูดถึงความผิดพลาด ความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยที่อยู่ในพื้นที่ เพราะผมยิ่งพูด ยิ่งเห็น ยิ่งเหนื่อยใจกับเจ้าหน้าที่เกือบทุกหน่วยที่ไม่เคยเอาจริงกับการแก้ปัญหา การก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด
      
       เพราะทุกหน่วยไม่ว่าตำรวจ ทหาร ปกครอง ต่างมีวัฒนธรรมของตนเอง ดังนั้น คำว่า บูรณาการซึ่งแปลว่าการร่วมกันทำหน้าที่เพื่อไปสู่เอกภาพซึ่งหมายถึงเป็น หนึ่งเดียวเพื่อเดินไปในทิศทางเดียวกัน ร้องเพลงเดียวกันโดยไม่ผิดคีย์ จึงเป็นเพียงคำพูดลมๆ แล้งๆ ของบรรดาเสนาบดี แม่ทัพนายกอง และ ผบ.ทบ.เท่านั้น เพราะความเป็นจริงในเรื่องนี้ 8 ปีไม่เคยเห็นผล
      
       แต่วันนี้ผมจะบอกว่า ถ้าผมเป็นโจร หรือเป็นพวกแบ่งแยกดินแดนผมคงนอนหัวเราะให้ สะดือบานกับความ ฟอนเฟะความแตกแยก และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลกับกองทัพในประเด็นนโยบายในการแก้ ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
          จะไม่ให้โจรมันหัวเราะจน สะดือบานได้อย่างไร ในเมื่อฝุ่นจากคาร์บอมบ์ที่ยะลา และที่หาดใหญ่ยังไม่ทันจาง ขุนทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อดูบาดแผลของ คาร์บอมบ์ก็เกิดอาการเบรกไม่อยู่ด้วยคำพูดไม่เห็นด้วยกับการเปิดพื้นที่พูดคุยกับ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ด้วยการฟันธงว่าโจรมีหลายกลุ่ม ไม่มีเอกภาพ ไม่รู้จะไปพูดกับใคร และพูดแล้วจะได้อะไรขึ้นมา
      
       ทั้งที่ ก่อนหน้านี่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งอยู่ในฟากรัฐบาลออกมาให้ข่าวใหญ่โตว่า รัฐบาลได้สั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผอ.ศอ.บต. ไปเจรจากับกลุ่มผู้ก่อการร้ายเพื่อหาแนวทางสร้างความสงบสุขในจังหวัดชายแดน ภาคใต้
      
       ชาวบ้านที่เห็นข่าวและได้ฟังความของทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว งงๆ เพราะไม่รู้ว่า ระหว่าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ซึ่งเป็นฝ่ายการเมือง กับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ ใครมีอำนาจกว่าใครและใครใหญ่กว่าใคร ตกลงระหว่างรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี สามารถมีนโยบายในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้หรือไม่
      
       และที่งงๆ ไปยิ่งกว่านั้นคือ ยุทธศาสตร์ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในข้อ 8 ที่เขียนไว้ชัดเจนว่า ให้เปิดพื้นที่พูดคุยกับกลุ่มที่มีความเห็นต่าง ความขัดแย้งทางความคิดทุกกลุ่ม เพื่อลดความรุนแรง เขียนกันไว้เล่นๆ โก้ๆ เพื่อโชว์ต่างชาติให้เห็นถึงความหรูหราของนโยบายอย่างเดียว แต่ห้ามนำไปปฏิบัติใช่หรือไม่
      
       อันนี้ไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวที่อยากรู้ แต่คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เขาฝากถาม และต้องการคำตอบจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ห้ามตอบแทน เพราะคำตอบของ ผบ.ทบ.ทุกคนรับรู้แล้ว
          ผมคิดว่าในความสับสนอลหม่านของขบวนการดับไฟใต้ที่ว่า เปิดพื้นที่พูดคุยหรือการเจรจากับไม่เจรจามี นัยสำคัญที่ซ่อนเร้นอยู่ ความสับสนงงๆ เง็งๆ ที่เกิดขึ้น และเห็นถึงความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานมีเป้าหมายอยู่ที่ ศอ.บต. และเป็น ศอ.บต. ที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการ
      
       เพราะการจุดประเด็นเรื่องเจรจา เกิดจากการเปิดประเด็นของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง โดยมีการฉุดดึง พ.ต.อ.ทวี เข้ามาเป็นตัวละคร และเป็นตัวละครที่สำคัญ เพราะเป็นรู้กันว่า กอ.รมน.นั้น มีความต้องการลึกๆ ที่จะปรับ ศอ.บต.ให้เป็นหน่วยงานท้องถิ่น เป็นสำนักงานส่วนแยกที่ขึ้นตรงกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และย้ายเลขาธิการ ศอ.บต.กลับไปปฏิบัติหน้าที่ยังส่วนกลาง
      
       การให้ข่าวว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นผู้เจรจากับโจรแบ่งแยกดินแดน ทั้งที่รู้ว่ากองทัพมีนโยบายไม่เจรจากับโจร จึงเป็นการพุ่งปลายหอกไปยัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อย่างเต็มยอดอก
      
       “นัยของเรื่องนี้ยังพุ่งไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีข่าวจากหน่วยข่าวกรองระบุว่า เดินทางไปพบกับ ฮาซัน ตอยิบผู้นำขบวนการพูโลเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อให้พูโลยุติบทบาทในเวทีโลก
      
       การเปิดโปง เรื่อง 2 เรื่อง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน แต่เป็นการเปิดโปงเพื่อให้สอดคล้องกัน เพื่อให้มีน้ำหนักน่าเชื่อว่า รวมทั้งการเชื่อมโยงตัวละครอย่าง นัจมุดดีน อูมาว่าเป็นที่ปรึกษาของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และเป็นตัวกลางในการเปิดเวทีการพูดคุยทั้งระหว่าง พ.ต.อ.ทวี กับบีอาร์เอ็นฯ และ พ.ต.ท.ทักษิณ กับพูโล
      
       แต่ในขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กลับปฏิเสธว่า นับตั้งแต่มาเป็นเลขาธิการ ศอ.บต. ไม่เคยไปเจรจากับกลุ่มก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นบีอาร์เอ็นฯ หรือพูโล ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่หรือนอกประเทศ การไปมาเลเซียไปเพื่อพบกับผู้คนในชมรมต้มยำกุ้งเพื่อหาทางช่วยเหลือ ลดค่าเวิร์กเปอร์มิตให้แก่คนเหล่านี้ ซึ่งสุดท้าย รัฐบาลมาเลเซียไม่ยอมผ่อนผัน ต้องให้ไอแบงก์ช่วยเหลือในการให้เงินกู้
      
       รวมทั้ง พ.ต.อ.ทวี เองได้กล่าวว่า ตั้งแต่มาเป็นเลขาธิการ ศอ.บต. ยังไม่เคยจดปลายปากกาแต่งตั้งใครเป็นที่ปรึกษาแม้แต่คนเดียว รวมทั้งไม่เคยแต่งตั้ง นัจมุดดีน อูมาอดีต ส.ส.ชื่อดังของ จ.นราธิวาส ก็ไม่เคย แต่ยอมรับว่ามีการพบปะพูดคุยกับผู้คนทุกกลุ่ม เพราะต้องการแลกเปลี่ยน และสร้างความชอบธรรม เป็นธรรมในการหาแนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น
      
       เมื่อต่อ จิ๊กซอว์ของเหตุการณ์ต่างๆ ที่สับสนอลหม่าน จะเห็นภาพที่ชัดเจนว่า เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างเป็นขบวนการ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสำคัญ และก้าวต่อไปก็คือการปรับโครงสร้างของ ศอ.บต. เพื่อให้เกิดการบูรณาการและเป็นเอกภาพในการดับไฟใต้ ทั้งที่โดยข้อเท็จจริง การบูรณาการ และเอกภาพไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมของประเทศนี้
      
       เพราะการที่ ขุนทหารออกมาไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ สมช.ซึ่งคือนโยบายของรัฐบาลได้ตอกย้ำและแสดงให้คนทั้งประเทศ เห็นกันอย่างจะจะแล้ว
      
       ผมคงไม่บอกว่า รัฐบาลกับกองทัพเป็นเอกภาพหรือไม่ เพราะวิญญูชนทั้งหลายย่อมมีวิจารณญาณในการพิจารณาเอาเอง
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ทั่วไป กรุณาใช้คำสุภาพ